รู้จักสมการ Cash is King + ดอกเบี้ยทบต้น = กลยุทธ์พลิกวิกฤติสู่ความมั่งคั่ง

หลายๆครั้ง เรามักจะได้ยินผ่านแบบผ่านหูว่า Warren Buffett หรือ Berkshire Hathaway บริษัทของ Buffett ถือเงินสดสูงเป็นประวัติการณ์ อย่างเดือนเมษายนที่ผ่านมา สื่อข่าวบอกว่า Berkshire Hathaway "นั่งทับ" เงินสด มากกว่า 10.9 ล้านล้านบาท
โดย Warren Buffett ออกมายอมรับว่า การถือเงินสดของเขาไม่ได้หมายความว่าเขาชื่นชอบการถือเงินสด
ในทางกลับกัน เงินสดที่เขาถืออยู่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับมูลค่าบริษัทที่ Berkshire Hathaway ถืออยู่ทั้งหมด เพียงแต่เขายังหาโอกาสดี ๆ ในการลงทุนไม่ได้
พูดง่ายๆ คือ บัฟเฟตต์ พร้อมจะถือเงินสด ถ้าเขายังหาโอกาสดีๆในการลงทุนไม่ได้
แต่ถ้าเขาหาบริษัทที่มีศักยภาพในราคาที่ไม่แพง เขาก็พร้อมนำเงินสดไปใช้ในการลงทุน ด้วยเหมือนกัน
Cash is King คือโอกาสครั้งใหญ่ ?
.
แนวคิด "Cash is King" ของบัฟเฟตต์จากตัวอย่างข้างต้น ไม่ได้หมายถึงการถือเงินสดไว้เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร แต่เป็นการรอคอยโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง
ลองคิดดูว่าราคาหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานดีตกลงมาอย่างมาก หากเรามีเงินสดสำรองเพียงพอ
เราจะสามารถเข้าซื้อหุ้นเหล่านั้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือพูดง่ายๆ คือ เราได้ของดีราคาถูก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing)
นอกจากเราจะมีเงินสดเพื่อรอโอกาสแล้ว เรายังต้อง "ให้เวลา" กับการลงทุนในสิ่งนั้น ๆ นานพออีกด้วย
หรือพูดง่าย ๆ คือ เรากำลังใช้พลังแห่งดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้เงินเติบโตเป็นทวีคูณ
ดอกเบี้ยทบต้น คือ การที่ผลตอบแทนที่คุณได้รับจากเงินลงทุนของคุณ จะถูกนำกลับไปลงทุนซ้ำ ทำให้เงินต้นของคุณเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหลักการง่ายๆที่นักลงทุนสามารถทำได้เลย คือ การนำเงินปันผลไป 'Reinvest' กลับไปลงทุนใหม่ เมื่อระยะเวลาผ่านไป เงินลงทุนของเราก็จะค่อย ๆ เติบโตขึ้น
แต่ในทางกลับกันหากเราถือเงินสดของเราไว้ แต่เงินสดนั้นกลับไม่ได้สร้างผลตอบแทนให้กับเราเลย ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ๆ สำหรับนักลงทุนที่กำลังรอโอกาสครั้งใหญ่เลยใช่ไหม
WeBull โบรกเกอร์ที่มอบดอกเบี้ยให้แม้ถือเงินสดรอ
การผสมผสานระหว่างแนวคิด "Cash is King" และพลังของ "ดอกเบี้ยทบต้น" เป็นกลยุทธ์ที่ทรงพลังในการสร้างความมั่งคั่ง การมีเงินสดสำรองไว้เพื่อรอโอกาสในการลงทุนในช่วงวิกฤติ ควบคู่ไปกับการลงทุนระยะยาวและปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงาน จะเป็นหนทางสู่อิสรภาพทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืน
แต่คำถาม คือ ในปัจจุบันนี้ กลยุทธ์เหล่านี้จะยังใช้ได้อยู่อีกไหม ?
คำตอบ คือ กลยุทธ์การลงทุนเปลี่ยนไป แต่หลักการยังเหมือนเดิม ...
กลยุทธ์ที่เปลี่ยนไปไม่ได้หมายความว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องจมปักอยู่กับการลงทุนตลอดเวลา แต่การถือเงินสดรอจังหวะตลาดที่ดีก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การลงทุน แต่หลักการของนักลงทุนยังคงเหมือนเดิมก็คือการลงทุนเพื่อสร้างผล “กำไร” ให้เงินทุนตอบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
WeBull แพลตฟอร์มการลงทุนต่างประเทศออนไลน์ที่ชูจุดเด่นรับดอกเบี้ยสูงสุด 3.50% ต่อปีแม้เงินลงทุนจะพักอยู่ในพอร์ตก็ตาม อีกทั้งยังมีฟีเจอร์เด่น ๆ ดังต่อนี้
รับดอกเบี้ยสูงสุด 3.50% ต่อปีสำหรับเงิน USD ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์
ดอกเบี้ยแบบ Daily Interest จ่ายเป็นรายเดือน ลงทุนต่อได้ไม่มีสะดุด
ไม่มีกำหนดเงินขั้นต่ำในบัญชี ไม่มีเพดานการฝากเงิน ฝากถอนได้ตามต้องการ
ยืดหยุ่น - ดอกเบี้ยที่ได้รับสามารถนำไปต่อยอดซื้อสินทรัพย์ได้ทันที
ตลาดหุ้นอเมริกา เต็มไปด้วยโอกาสมากมายเพราะมีบริษัทยักษ์ใหญ่สายเทคโนโลยีจำนวนมาก และมีโอกาสเติบโตสูง แต่เนื่องจากดัชนีขึ้นไปค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดหุ้นอเมริกาไม่ได้ถูกมากสักเท่าไร
ดังนั้นกลยุทธ์การเลือกหุ้นจะเป็นการเลือกหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) ที่มี Cycle หรือรอบการลงทุนที่แตกต่างออกไปตามสินทรัพย์
ในขณะที่ "หลักการ" ยังคงเหมือนเดิม หมายถึง การถือเงินสดเพื่อรอคอยโอกาส หาหุ้นคุณภาพดีในราคาที่ไม่แพง เมื่อเราซื้อแล้ว เราจำเป็นจะต้องมีมุมมองในระยะยาว คือถือหุ้นลงทุนเพื่อการเติบในระยะยาว
ซึ่งการเติบโตอาจจะมาจากในเรื่องของการนำเงินปันผลกลับไปลงทุนใหม่ ตามหลักการของพลังดอกเบี้ยทบต้น หรือจะเป็นการถือรอคอยให้บริษัทผ่านช่วงของการเติบดตอย่างเต็มที่ พร้อมกับราคาหุ้นที่มีมูลค่ามากขึ้น
คิดดูว่าหากเรารอ Cycle การลงทุนในรอบถัดไปในอีก 1-2 เดือน (หรืออาจสั้นกว่านั้น) หากเราเลือกฝากเงินสดเพื่อเฝ้ารอโอกาสและเมื่อถึงเวลาไม่สามารถถอนออกมาได้คงนั่งเสียใจไปอีกหลายวัน แต่หากเราลงทุนโดยที่สามารถพักเงินลงทุนเพื่อรอลงทุนต่อไปได้โดยรับดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี และได้รับดอกเบี้ยในทุก ๆ เดือน
ตัวอย่าง : หากเรามีเงิน 1,000,000 บาท และได้ผลตอบแทน 3.50% ต่อปี และได้รับในทุก ๆ เดือน จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 2,900 บาท ในระยะเวลา 2 เดือน อาจดูเป็นเงินที่น้อยที่คุณสามารถนำเงินนี้ไปสร้างผลตอบแทนเพิ่มหรือสำหรับใช้จ่ายเป็นอั่งเปาให้ลูกหลานได้เช่นเดียวกัน
สรุปแล้ว เราไม่สามารถฟันธงได้ว่าวิกฤตรอบนี้จะจบเร็วแค่ไหน หุ้นจะตกอีกไหม
และเมื่อตกลงมาแล้ว ราคาหุ้นจะฟื้นเมื่อไร ใช้เวลากี่ปีหรือกี่เดือน
ดังนั้น สิ่งที่เราพอจะทำได้ คือ ทำจิตใจให้สบาย ตั้งสติ เก็บเงินสดเอาไว้ ศึกษาหุ้นที่เราสนใจ
อาจจะมีการปรับพอร์ตหุ้นบ้าง เช่น ขายหุ้นที่ตกลงมาน้อยเพื่อถือเงินสด
เรายังต้องรอคอยให้การลงทุนของเราเติบโต การนำเงินปันผล "กลับไปลงทุนใหม่" ตามหลักการของพลังดอกเบี้ยทบต้น เหมือนอย่างสมการที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คือ Cash is King + ดอกเบี้ยทบต้น = กลยุทธ์พลิกวิกฤติสู่ความมั่งคั่ง
หากใครสนใจแหล่งพักเงินทุนที่ได้ดอกเบี้ยสูงถึง 3.50% ต่อปี
ก็อย่าลืมเข้ามาดาวน์โหลดแอป Webull ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป !
App Store: https://apple.co/3Kj7kUd
Play Store: https://bit.ly/45wGqll
บริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0161-01 และ ส1-0161-01
https://market.sec.or.th/License.../CompanyDetail/0000033502
ช่องทางต่าง ๆ ของ Webull Thailand
Website: https://www.webull.co.th/
Facebook: https://www.facebook.com/WebullThai
Instagram: https://www.instagram.com/webull_thailand/
Email: [email protected]
Tel: +66 (0) 2026 5222 (จันทร์-ศุกร์ 8.00 - 18.00)
Webull App: Menu > Help Center (Live Chat Support)
#WeBull #WebullMoneyFetival #AllinWebull #Stock2morrow #WarrenBuffett