สรุปประเด็นความขัดแย้งในหุ้น DUSIT
.
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่นักลงทุนต่างก็ให้ความสนใจอย่างมากกับ "ดุสิตธานี" และกลุ่มตระกูล "โทณวณิก" ที่ดูเหมือนจะไม่จบง่าย
ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่ความขัดแย้งเรื่องการเงิน แต่คือการแย่งชิง “อำนาจการควบคุม” ของธุรกิจโรงแรมระดับตำนานของไทย ที่สะท้อนทั้งปัญหาครอบครัว ธรรมาภิบาล และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไร Stock2morrow จะสรุปสั้นๆให้ฟัง
.

จุดเริ่มต้น: เมื่องบการเงินไม่ผ่าน
ความขัดแย้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีจุดเริ่มต้นจากปัญหาในกองมรดกของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้ง
ซึ่งคุณชนินทร์ โทณวณิก ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลกิจการหลัก
แต่แล้วเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568เมื่อในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้น DUSIT เกือบ 50% ได้ปฏิเสธที่จะอนุมัติงบการเงินปี 2567 ทั้งที่งบการเงินดังกล่าวผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีแล้ว
ผลที่ตามมาคือ DUSIT ไม่สามารถส่งงบการเงินได้ตามกำหนด ทำให้หุ้นเกือบถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) จากตลาดหลักทรัพย์ฯ นี่ถือเป็นสัญญาณที่รุนแรงมาก เพราะเป็นการส่งสารโดยนัยว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ยอมรับการบริหารงานของคณะกรรมการชุดปัจจุบันที่มี คุณชนินทธ์ โทณวณิก เป็นแกนหลัก
.
การลดบทบาทของคุณชนินทร์
ย้อนกลับไปไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 คุณชนินทธ์ถูกถอดออกจากตำแหน่งกรรมการของ "บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด" ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และคณะกรรมการชุดใหม่ก็เป็นฝั่งของน้องสาวทั้งสองคนคือ คุณสินี เธียรประสิทธิ์ และ คุณสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ทั้งหมด
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อำนาจการโหวตในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่ได้อยู่ในมือคุณชนินทร์อีกต่อไป
และถือเป็นการปูทางสู่ "แผนปลด" คุณชนินทร์ออกจากบทบาทใน DUSIT
.
เมื่อคุณชนินทร์คัมแบ็ก
แม้จะถูกลดบทบาทในฝั่งโฮลดิ้ง แต่ในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการของ DUSIT กลับแต่งตั้งคุณชนินทร์ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานกรรมการ (ประธานบอร์ดฯ) หลังจากที่ประธานคนเดิมหมดวาระ นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณชนินทร์ยังคงมีฐานสนับสนุนจากกรรมการบางส่วน และยังไม่ได้หลุดพ้นจากวงจรอำนาจอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีตำแหน่ง แต่บทบาทเชิงโครงสร้างของคุณชนินทร์ก็ถูกลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราเห็นภาพการปรับโครงสร้างอำนาจครั้งใหญ่ของดุสิตธานี
.
เหตุการณ์ล่าสุด : เมื่อคุณชนินทร์ ต้ังโต๊ะแถลงข่าว
เช้านี้คุณชนินทร์ โทณวนิก ตั้งโต๊ะแถลงด่วน สรุปประเด็นได้ว่า ...
เรื่องนี้เริ่มมาจาก ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ที่เสียไปได้มอบอำนาจให้คุณชนินทร์เป็นผุ้ดูแลหลักในกิจการดุสิต
ต่อมาน้องสาวทั้ง 2 คนโหวตเปลี่ยนแปลงอำนาจการลงนาม และร่วมกันปลดออกจากกรรมการทุกบริษัทในกองมรดก จึงให้ศาลช่วยในการตัดสิน
ต่อมามีการตกลงงร่วมกันแบ่ง ทรัพย์สินในกองมรดกให้เท่าเทียมกัน แต่ตอนหลังน้องสาวทั้งสองคนเปลี่ยนใจไม่ยอมรับข้อตกลงเพราะ "ดุสิตเรสิเดนท์" ประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงเกิดความไม่พอใจและไม่อนุมัติงบ โดยมีการแต่งตั้งคนนอกเข้ามามีสิทธิ์บริหาร
โดยน้องสาวมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการคนนอก 2 ใน 3 ลงนามได้โดยตรงจึงมีข้อกังวลว่า คนนอกจะเข้ามาครอบครองกิจการของครอบครัวเดิม
.
ดุสิต เรสิเดนท์ และการถูกโจมตีเรื่องการบริหาร
คุณชนินทร์ แสดงความเห็นว่า ดุสิตเรสิเดนท์ที่ขายไปแล้ว 92% น่าจะเป้นประเด็นหลักในความขัดแย้งในก้อนผลประโยชน์นี้
การถูกโจมตีเรื่องขาดทุนสะสม ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
เพราะผ่านช่วงโควิด สงคราม เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ตัวเลขที่ผ่านมาไม่ดี แต่ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ที่บริหารงานมาถูกต้องและประสบความสำเร็จ
ทั้งจากโรงแรมดุสิตธานีที่เปิดใหม่ รวมถึงดุสิตเรสิเดนท์ที่ขายเกือบหมดแล้ว
ตอนนี้การพยายามเปลี่ยนแปลงกรรมการลงนาม และทีมผู้บริหารเป็นคนนอกทั้งหมด
ตนมองว่าไม่ยุติธรรมและสร้างผลกระทบต่อผู้บริหาร หุ้นส่วนการค้า พันธมิตร และผู้ถือหุ้นรายย่อย
คุณชนินทร์ยืนยันว่า การบริหารต้องมาจากคนใน เพื่อรักษาความถูกต้องเป็นธรรมแก่ดุสิตธานี
และยืนยันไม่ยอมทิ้งดุสิตธานีซึ่งตนจะต่อสู้อย่างเต็มที่เท่าที่มีสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฏหมายให้ถึงที่สุด
.
ความท้าทายที่รออยู่ และอนาคตของดุสิตธานี
ท่ามกลางความขัดแย้งภายในนี้ ย่อมสร้างความกังวลและความไม่เชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางการค้า และผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่ในขณะเดียวกัน คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ CEO ของกลุ่มดุสิตธานี ก็ได้ออกมายืนยันว่าปัญหาภายในนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่อย่าง "Dusit Central Park" ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแผนการฟื้นฟูธุรกิจในระยะยาว การพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารและการสร้างผลตอบแทนที่ชัดเจนในอนาคต จึงเป็นสิ่งที่ DUSIT ต้องทำให้ได้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากตลาดกลับคืนมา
.
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการสรุปประเด็นจากข่าวสาร ไม่ใช่คำแนะนำในการซื้อขายหุ้น
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง