ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่
ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
นักลงทุนหลายคนมักชอบเอาหุ้น 2 ตัวนี้มาเปรียบเทียบกันอยู่บ่อยครั้ง เพราะเข้าใจว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับความสวยงามเหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว 2 บริษัทนี้มีความแตกต่างกันพอสมควรทีเดียว อยากรู้มั้ยว่าคืออะไร ตามผมมาเลยครับ
1) Business Model ต่างกัน
DDD อยู่ในธุรกิจ FMCG (Fast Moving Consumer Goods) คือ เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค มีโรงงานของตัวเอง ผลิตสินค้า ส่งไปขายตามห้างร้านค้าปลีกต่าง ๆ ในประเทศ และมีตัวแทนจำหน่ายที่ต่างประเทศ
ส่วน BEAUTY อาจจัดได้ว่าอยู่ในธุรกิจร้านค้าปลีก (Retail) จ้างคนอื่นผลิต ได้สินค้ามา เอามาขายที่ร้านตัวเอง และมีส่งออกไปต่างประเทศ
>> เพราะฉะนั้น DDD จะเติบโตจากสินค้าที่ดี การขยายเข้าร้านค้าได้เยอะ และจูงใจให้ผู้บริโภคมาซื้อแบรนด์ตัวเองเวลาเข้าร้านค้า ต่างกับ Beauty ที่ลูกค้าเข้าร้านคือ ซื้อสินค้าแบรนด์ Beauty แน่ ๆ เพราะขายแต่ของตัวเอง และการเติบโตจะมาจากการขยายร้านให้ได้มาก ๆ กับเพิ่มยอดขายร้านเดิมให้ได้ต่อเนื่อง
2) โครงสร้างงบการเงินต่างกัน
(ใช้ข้อมูลเต็มปี 2560 เพื่อเห็นภาพชัด)
DDD ยอดขาย 100 บาท เป็นต้นทุน 32 บาท ใช้ค่าโฆษณา ค่าตัวดารา เงินเดือน น้ำไฟ 43 บาท จ่ายดอกเบี้ยและภาษี 4 บาท เหลือกำไร 21 บาท
BEAUTY ยอดขาย 100 บาท เป็นต้นทุน 32 บาท ใช้ค่าเช่าร้านค้า ค่าพนักงานขาย น้ำไฟ 27 บาท จ่ายดอกเบี้ยและภาษี 8 บาท เหลือกำไร 33 บาท
>> ต้นทุนขายเท่ากันเลย หลายคนอาจจะเดาว่า Beauty จ้างคนอื่นผลิต ต้นทุนน่าจะสูงกว่า แต่จริง ๆ ไม่ใช่ อาจเป็นเพราะโวลุ่มการผลิตเยอะเลยต่อรองราคาได้ บวกกับ DDD ใช้ capacity ยังไม่ถึง 60% เลยยังไม่ได้ต้นทุนต่อหน่วยที่ดี
>> DDD ใช้จ่ายค่า SG&A สูงกว่ามาก เพราะเงินทุ่มให้กับการตลาดมาก ทั้งจ้างดาราค่าตัวแพง โฆษณาทั้งทีวีและดิจิตอล บวกกับโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อให้คนรู้จักแบรนด์และเวลามาเดินห้างจะได้ซื้อกลับไปใช้ ขณะที่ Beauty เงินจะไปจมกับค่าพนักงานประจำร้าน ค่าเสื่อมร้าน เพราะเน้นขยายสาขา ทำให้สุดท้าย Beauty มีกำไรมากกว่าถึง 12 บาท
3) กลยุทธ์การเติบโตเหมือนและต่างกัน
4) เปรียบเทียบ ROE แบบ Dupont
ROE คือ การดูผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นว่า ถ้าลงเงินไป 100 บาท หุ้นตัวนั้นจะทำกำไรกลับมาได้กี่บาท ซึ่งถ้าดูแค่นี้ Beauty ชนะขาดด้วย ROE 81.3% vs. 13.6%
แต่ถ้าเรามาแยกย่อยแบบ Dupont หรือคือ NPM x Asset Turnover x Leverage Multiplier
ซึ่งเป็นการบอกเราว่าหุ้นตัวนี้มี ROE สูงหรือต่ำมาจาก อัตราการทำกำไร หรือว่าอัตราการใช้สินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ หรือว่ากู้หนี้ยืมสินมาเพื่อเติบโต มาดูไปพร้อม ๆ กันครับ
BEAUTY มี ROE 81.3% เกิดจาก NPM 32.9 x AT 1.8 x Leverage 1.4
DDD มี ROE 13.6% เกิดจาก NPM 20.8 x AT 0.5 x Leverage 1.1
เราเห็นชัดเจนว่า Beauty เป็นหุ้นที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่า การที่ ROE สูง เป็นเพราะกำไรดีคือคีย์หลัก และใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์ได้พอสมควร ขณะเดียวกันก็ไม่ได้โตจากการก่อหนี้ ส่วน DDD หลัก ๆ คือ โตจากการทำกำไรที่ดีเหมือนกัน แต่ว่ายังใช้สินทรัพย์ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์มากเท่าที่ควร แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ก่อหนี้เพื่อเติบโต
** BEAUTY หรือ DDD เลือกลงทุนตัวไหนดี **
สรุปให้ฟังแบบนี้
ส่วนจะเลือกลงทุนตัวไหน ขึ้นอยู่กับว่าเรามองเห็นอนาคตของหุ้นตัวไหนได้ชัดเจนมากกว่ากัน เราเห็นว่าตัวไหนมีความน่าจะเป็นในการทำกำไรได้มากกว่า แต่ต้องไม่ลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ถ้าเลือกผิดตัวก็จะทำให้เราขาดทุนได้ บางครั้งการอยู่เฉย ๆ ก็อาจเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดก็เป็นได้
บทความจากผู้ชนะโครงการ stock writer เขียนโดย วิตามินหุ้น
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่
Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
stock2morrow
ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน