ถือเป็นประเด็นที่น่าจับตาอยู่ไม่น้อยสำหรับ หุ้น JAS ที่มีข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ..
บริษัทได้ประกาศซื้อหุ้นคืน
แต่ไม่ใช่การซื้อหุ้นคืนธรรมดา แต่เป็นการซื้อที่แพงกว่ามูลค่าที่ซื้อขายกันอยู่ในปัจจุบัน
โดยราคากระดานก่อนมีข่าวอยู่บริเวณ 2.86 - 2.90 บาทต่อหุ้น 
แต่บริษัทกลับประกาศซื้อที่ราคาสูงถึง 5 บาท ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลก และไม่ใช่เหตุการณ์ปกติที่นักลงทุนจะพบเห็นได้

ถ้าเราไปดูราคาย้อนหลังหุ้น JAS พบว่า 
ราคาเคยขึ้นไปสูงถึง 10 บาท ในช่วงปี 2560 ก่อนที่จะลดลงมาเรื่อยๆ 
จนซื้อขายบริเวณ 4 บาทช่วงวิกฤตโควิด ก่อนที่จะถูกแรงเทขายมาซื้อขายบริเวณ 2 บาทอย่างในปัจจุบัน

ราคาหุ้น JAS ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
https://www.tradingview.com/symbols/SET-JAS/

คำถาม คือ เพราะเหตุผลอะไร 
ทำไมบริษัทถึงยอมประกาศซื้อหุ้นคืนในราคาที่สูงกว่า (มาก)
บริษัทรายงานว่า คณะกรรมการฯ ได้ทบทวนเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของบริษัท 
โดยเริ่มจากปี 2562 บริษัทได้ขายสินทรัพย์ของ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB 
ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF

และต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2566 กลุ่มบริษัทฯ ได้ขายหุ้นสามัญใน TTTBB และหน่วยลงทุนใน JASIF  
ดังนั้นทางบริษัทจึงใช้ราคาหุ้นย้อนหลัง 5 ปี ที่อยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว สำหรับใช้พิจารณาทำแผนซื้อหุ้นคืน
ซึ่งเป็นราคาปิดสิ้นเดือน ธันวาคม 2562 ที่ราคา ณ 5 บาท

สำหรับประเด็นของการซื้อหุ้นคืน บริษัทให้เหตุผลว่า...
เป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน ที่ได้จากการขายหุ้น 3BB และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน JASIF ในปีที่แล้ว 
ซึ่งเหลือหลังจากได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล (พิเศษ) ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ไปในวันที่ 26 ธันวาคม 2566 และในต้นปี 2567

ไม่เพียงแค่นั้น บริษัทยังมีการประกาศแจกใบสําคัญแสดงสิทธิ หรือ Warrant ด้วย
โดยบริษัทมีการแจกใบสําคัญแสดงสิทธิ ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 2 ต่อ 1 หุ้น ราคาแปลง 3 บาทต่อหุ้น (อายุ 7 ปี)
ซึ่งบริษัท มองว่าอาจมีความจําเป็นต้องมีเงินทุนเพิ่มเติมในอนาคต จึงออกใบสําคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 4 (JAS-W4) ภายหลังโครงการซื้อหุ้นคืน เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทได้เงินทุนเพิ่มเติมในอนาคต ภายในระยะเวลา 7 ปีข้างหน้า หากจําเป็น

ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ JAS ที่ดูแปลกประหลาดอยู่เหมือนกัน
เพราะการซื้อหุ้นคืน คือการนำหุ้นที่มีอยู่ในตลาด "ออกไป" ทำให้หุ้นเดิมที่มีอยู่ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ในขณะที่การออก Warrant คือการเพิ่มหุ้นในตลาด ทำให้หุ้นเดิมที่มีอยู่ มีมูลค่าลดลง
และทั้ง 2 อย่างนี้ มักจะไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน 
แต่สำหรับกรณีของ JAS ทำให้นักลงทุนเกิดการตั้งคำถามว่า
เหตุผลในการซื้อหุ้นคืน กับแจก Warrant ค่อนข้างสวนทางกัน  
ในเมื่อมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลือ ทำไมบริษัทยังต้องเตรียมแผนเพิ่มทุนอีก ... ?

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องของการซื้อหุ้นคืน เหมือนว่านักลงทุนจะมีมุมมองไปในเชิงบวก
เพราะราคาหุ้นกระโดดขึ้นมา +18.8% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
และ +4% ในเช้าวันอังคารที่ผ่านมานี้

JAS ถือว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่นักลงทุนยังให้ความสงสัยอยู่อีกมาก และยังหาคำตอบไม่ได้
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือ ติดตามอย่างใกล้ชิด และใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นครับ