BCP หยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน แต่ทำไมเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุน ?

ปัจจุบันหุ้น BCP กำลัง Underperform อย่างมากเนื่องจากราคาร่วงลง -16% จากเดือนก่อน โดยคาดการณ์ถึงกำไรที่จะลดลง รวมถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการแทรกแซงราคาพลังงานของรัฐและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น

ปัจจุบัน BCP มี P/E Ratio อยู่ที่ 3.57 (ต่ำกว่า <4 เท่า) ซึ่งถือได้ว่าเป็นราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดที่ถูกเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ปัจจุบันนักวิเคราะห์มองว่าหุ้น BCP ยังราคาไม่ได้แพงและไม่ได้ถูกจนเกินไปหรือเรียกได้ว่า Valuation ไม่ได้สูง

ทั้งนี้นักลงทุนยังคาดการณ์ถึงเงินปันผลที่อาจสูงถึง 7% ในปีนี้ ทำให้เมื่อคำนวณแล้ว แม้ว่า BCP อาจเป็นหุ้นที่ OUTPERFORM อยู่ แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BCP อาจทำราคาพุ่งขึ้นแตะ 46 บาทได้

อย่างไรก็ตาม BCP กลับเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยผลประกอบการล่าสุดระบุว่ารายได้โต 158,057 ล้านบาท กำไรสุทธิพุ่งแตะ 1,823.74 ล้านบาท  +298% YoY รวม 6 เดือนแรกปี 2567 เท่ากับ 4,260.52 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 3,199.05 ล้านบาท

[2 ปัจจัยกระตุ้นหุ้น BCP]

#ปัจจัยหนึ่ง ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3/67 โดยค่ากลั่นและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนรายได้และกำไรในไตรมาสต่อไปหลังจากที่หยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นตามแผนที่วางไว้ในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นเวลา 27 วัน (นานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ BCP) นอกจากนี้เรายังคาดว่ากำไรจากกลุ่มธุรกิจ E&P จะปรับตัวดีขึ้นจากการผลิตที่เพิ่มขึ้น

#ปัจจัยสอง valuation ต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันค่อนข้างมาก BCP ยังคงเทรดที่ EV/EBITDA 4.4 เท่า (ปี 2567) เมื่ออิงกับงบการเงินรวม ต่ำกว่าบริษัทอื่นๆ ที่ประกอบธุรกิจอย่างเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 12.8 เท่า

อย่างไรก็ตามแม้ Valuation ของ BCP จะถูกมากเมื่อเทียบกับตัวอืน่ ๆ ในอุตสาหกรรมแต่ก็ด้วยสถานการณ์หุ้นไทยตอนนี้ก็อาจจยังตอบไม่ได้ว่าจะ “ฟื้นตัว” ได้เมื่อไหร่

ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาตลาดหุ้นและทำความเข้าใจบริษัทเป็นอย่างดีเสียก่อน แล้วมองหาโอกาสจากตลาดในช่วงที่ตัวเองพร้อมที่จะลงทุน

ขอบคุณข้อมูลจาก innovestx 

#Stock2morrow #BCP #SET #Stock #บางจาก #หุ้นไทย